เบต้ากลูแคน คืออะไร
ในปัจจุบัน ถ้าพูดถึงอาหารเสริมสุขภาพนะครับ หลายคนคงจะนึกถึงอาหารจำพวก วิตามินต่างๆ น้ำมันตับปลา โอเมก้า3 เปบไทด์ เกลือแร่ เป็นต้นครับ โดยอาหารเหล่านี้จะแสดงคุณสมบัติในทางที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของเรา
ในอาหารเสริมเหล่านี้อาจจะมีสารประกอบต่างๆ ที่จัดว่าไม่เป็นโภชนา สารแต่ละชนิดก็จะมีคุณสมบัติและมีผลต่อร่างกายแตกต่างกันไปตามโครงสร้างและคุณสมบัติทางเคมี ผลที่เกิดเหล่านั่นอาจจะเป็นประโยชน์หรือโทษต่อร่ากายก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณของสารนั้นๆ เป็นหลัก แต่มีสารที่น่าสนใจและกำลังเป็นที่นิยมมากอยู่ในขณะนี้ชนิดหนึ่ง คือ เบต้ากลูแคน( β - Glucan ) มีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถกระตุ้นการทำงานของระบบ "ภูมิคุ้มกัน" และยังทำให้ระกับคอเลสเตอรอลในเลือดลดลง และยังต่อต้านอนุมูลอิสระได้อีกด้วย
ปนะโยชน์ของเบต้ากลูแคนต่อร่างกาย
1.ปรับระดับการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันในร่างกาย
2.ลดผลข้างเคียงของเคมีบำบัด เช่น การฉายแสง
3.ปรับการทำงานของภูมิต้านทานที่ผิดปกติ เช่น ภูมิแพ้
4.ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ฟื้นฟูตับอ่อน
5.ช่วยลดระดับคอเรสเตอรอลในเลือด
6.ลดอาการปวดตามข้อ ไขข้ออักเสบ
7.ลดการอักเสบ การติดเชื้อแทรกซ้อน
8.บรรเทาอาการท้องผูก ช่วยระบบขับถ่าย
9.รักษาความชุ่มชื้น ฟื้นฟูสภาพผิว ลบเลือนริ้วรอย
2.ลดผลข้างเคียงของเคมีบำบัด เช่น การฉายแสง
3.ปรับการทำงานของภูมิต้านทานที่ผิดปกติ เช่น ภูมิแพ้
4.ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ฟื้นฟูตับอ่อน
5.ช่วยลดระดับคอเรสเตอรอลในเลือด
6.ลดอาการปวดตามข้อ ไขข้ออักเสบ
7.ลดการอักเสบ การติดเชื้อแทรกซ้อน
8.บรรเทาอาการท้องผูก ช่วยระบบขับถ่าย
9.รักษาความชุ่มชื้น ฟื้นฟูสภาพผิว ลบเลือนริ้วรอย
เบต้ากลูแคน กับ มะเร็ง
เบต้ากลูแคนเป็นสารปรับระดับภูมิต้านทานโรค ช่วยกระตุ้นและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ภูมิต้านทานของร่างกาย เมื่อเบต้ากลูแคนสัมผัสกับบริเวณเนื้อเยื่อหุ้มลำไส้ ระบบประสาทพาราซิมพาเตติกจะเริ่มทำงาน ส่งผลต่อเซลล์ภูมิต้านทาน และเซลล์เม็ดเลือดขาวในร่างกายซึ่งจะทำหน้าที่สร้าง สารไซโตไคน์ (Cytokine) เพื่อฆ่าและทำลายโครงสร้างเซลล์มะเร็ง อีกทั้งยังช่วยลดและป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกาย (อนุมูลอิสระเป็นสารรบกวนการเจริญเติบโตและการทำงานของเซลล์ปกติ) ดังนั้นผลจากการรับประทานเบต้ากลูแคน คือ เนื้องอกของมะเร็งจะค่อยๆ ลดขนาดเล็กลง และ เซลล์มะเร็งที่เกิดใหม่จะลดลงด้วย นอกจากนี้การรักษามะเร็งด้วยวิธีต่างๆเช่น ผ่าตัดศัลยกรรม รังสี รักษา หรือ เคมีบำบัด จะก่อให้เกิดอาการข้างเคียงหลายประการแก่ผู้ป่วย การทานเบต้ากลูแคนควบคู่ กับการรักษาจะช่วยให้ร่างกายของผู้ป่วยพร้อมรับการรักษาได้ดีและสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว เบต้ากลูแคน กับ เอซ ไอ วี
มีรายงานการวิจัยหลายรายงานที่รายงานถึง เบต้ากลูแคนว่าสามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันร่างกายได้ แต่อย่างไรก็ดีเบต้ากลูแคนไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ เอช ไอ วี ได้ แต่อย่างใด เพราะการติดเชื้อไม่ได้มาจากอาหารแต่มาจากพฤติกรรมการร่วมเพศ แต่พบว่ามีรายงานถึงผู้ป่วยโรคเอดส์สามารถลดการเกิดการติดเชื้อได้เมื่อได้รับ เบต้ากลูแคน แต่กลไกการออกฤทธิ์ยังไม่แน่ชัด คาดว่าน่าจะมาจากการที่ เบต้ากลูแคนสามารถกระตุ้น ให้ระบบภูมิคุ้มกันผู้ป่วยทำงานได้ดีขึ้นทำให้ต่อต้านกับสิ่งแปลกปลอมที่รุกล้ำเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้น จึงทำให้มีชีวิตอยู่ได้นานขึ้นนั่นเอง และจะเห็นเชื้อที่มักพบได้บ่อยในผู้ป่วยเอดส์ก็คือการติดเชื้อราที่ชื่อ ว่า แคนดิด้า ซึ่งเชื้อราประเภทนี้พบได้บ่อยในช่องปากของคนปกติจะไม่ก่อให้เกิดโรค แต่ในผู้ป่วยเอช ไอ วีนั้นจะเห็นว่ามีการก่อโรคทำให้เกิดการลอกตัวขาวของเยื่อบุช่องปาก อันเป็นผลทำให้ร่างกายผู้ป่วย ไม่สามารถรับประทานอาหารได้ นำไปสู่การขาดสารอาหารและติดเชื้อและเสียชีวิตได้ง่ายขึ้น โดย ได้มีรายงานการวิจัยของ Sato K และคณะ พบว่า เบต้ากลูแคนที่มาจากยีสต์ดำ สามารถส่งข้อมูลกระตุ้นเม็ด เลือดขาวที่ชื่อว่า neutrophil และ leukocyte ทำให้สกัดเชื้อราดังกล่าวได้ และนอกจากนี้โครงสร้างผนัง เซลล์ของยีสต์ดำทำให้ เบต้ากลูแคน เป็นสิ่งมีชีวิตตระกูลใกล้เคียงกับ เชื้อแคนดิด้า ทำให้กระตุ้นร่างกาย ผู้ป่วยให้สร้างสารภูมิคุ้มกัน (anti-body) เข้ามาคอยช่วยป้องกันการติดเชื้อดังกล่าวได้อีกกลไกหนึ่งด้วย นอกจากนี้ยังมีรายงานถึงเชื้อที่เป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคเอดส์ ได้แก่
- Staphylococcus aureus ทำให้เกิดท้องเสีย อาหารเป็นพิษ และปอดบวมได้
- Candida albican ทำให้เกิดแผลในช่องปาก
- Pneumocystis carinii ทำให้เกิดโรคปอดบวม
- Listeria monocytogenes ทำให้เกิดโรค listeriosis ปอดบวม และแท้งลูกได้
- Influenza virus ทำให้เกิดไข้หวัดใหญ่ และปอดบวมได้
ดังนั้นการป้องกันโรคเอดส์ที่ดีที่สุดอยู่ที่การ Safe sex และการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเสมอไม่ทำตัว เสี่ยงต่อการติดเชื้อ หากอยู่ในภาวะเสี่ยงก็ต้องรู้จักป้องกัน และเมื่อเป็นแล้วควรพบแพทย์ได้รับยาต้าน ไวรัสตามที่แพทย์สั่งเพราะหากคลาดเคลื่อนเวลารับประทานยาไม่กี่นาทีก็อาจทำให้เชื้อดื้อยาได้ และที่สำคัญ ควรดูแลด้านอาหารให้ร่างกายได้รับอาหารที่เป็นประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่เพิ่มภูมิคุ้มกันเป็น สิ่งที่จำเป็นกับผู้ป่วยมากที่สุด
- Staphylococcus aureus ทำให้เกิดท้องเสีย อาหารเป็นพิษ และปอดบวมได้
- Candida albican ทำให้เกิดแผลในช่องปาก
- Pneumocystis carinii ทำให้เกิดโรคปอดบวม
- Listeria monocytogenes ทำให้เกิดโรค listeriosis ปอดบวม และแท้งลูกได้
- Influenza virus ทำให้เกิดไข้หวัดใหญ่ และปอดบวมได้
ดังนั้นการป้องกันโรคเอดส์ที่ดีที่สุดอยู่ที่การ Safe sex และการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเสมอไม่ทำตัว เสี่ยงต่อการติดเชื้อ หากอยู่ในภาวะเสี่ยงก็ต้องรู้จักป้องกัน และเมื่อเป็นแล้วควรพบแพทย์ได้รับยาต้าน ไวรัสตามที่แพทย์สั่งเพราะหากคลาดเคลื่อนเวลารับประทานยาไม่กี่นาทีก็อาจทำให้เชื้อดื้อยาได้ และที่สำคัญ ควรดูแลด้านอาหารให้ร่างกายได้รับอาหารที่เป็นประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่เพิ่มภูมิคุ้มกันเป็น สิ่งที่จำเป็นกับผู้ป่วยมากที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น